top of page

การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยการกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

รูปภาพนักเขียน: Lexpertise Law FirmLexpertise Law Firm

มนัสวี วงษ์สุรีย์รัตน์, คชาภัทร นรัตถรักษา



ในการตกลงซื้อขายสินค้าและบริการโดยเฉพาะระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน (Business-to-Business หรือ B2B) ตามปกติแล้วจะมีการให้สินเชื่อทางการค้าหรือที่เรียกกันว่า เครดิตเทอม (Credit Term) ซึ่งอาจมีระยะเวลามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับนโยบายทางธุรกิจหรือทางบัญชีของแต่ละบริษัท อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการหลายท่านอาจจะไม่ทราบว่าในกรณีที่คู่ค้าของท่าน เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises หรือ SMEs) การกำหนดเครดิตเทอม (Credit Term) ที่ยาวเกินไป อาจถือเป็นการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและขัดต่อกฎหมายได้  


เครดิตเทอม (Credit Term) คืออะไร


เครดิตเทอม (Credit Term) คือการให้สินเชื่อทางการค้าที่ผู้ประกอบการตกลงซื้อขายสินค้าหรือบริการจากร้านขายสินค้า หรือ ผู้ให้บริการ เพื่อขอนำสินค้า หรือ บริการที่ซื้อขาย/ว่างจ้างไปใช้ในการประกอบธุรกิจก่อนแล้วจึงค่อยนำเงินมาชำระค่าสินค้า หรือ ค่าบริการต่างๆ ในภายหลัง โดยปกติแล้วการกำหนดเครดิตเทอมของผู้ประกอบการแต่ละรายจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่จะตกลงกัน เช่น อาจมีระยะเวลา 30 วัน หรือ 45 วัน หรือ 60 วัน เป็นต้น การที่ผู้ประกอบการแต่ละรายมีเครดิตเทอมกับร้านขายสินค้า หรือ ผู้ให้บริการ จะมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรายนั้นๆ เช่น ทำให้มีเงินสดหมุนเวียน (cash flow) อยู่ตลอดเวลาเพราะสามารถนำสินค้าและบริการมาใช้ได้ก่อนที่จะต้องชำระเงินค่าสินค้า หรือ ค่าบริการนั้น และหากผู้ประกอบการรายนั้นขาดสภาพคล่องทางการเงิน หรือมีกระแสเงินสดที่ไม่มากพอ การให้เครดิตเทอมก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายนั้นสามารถนำสินค้าและบริการเหล่านั้นไปหาประโยชน์ทางธุรกิจได้ก่อนและเมื่อได้เงินจากการประกอบธุรกิจแล้ว จึงค่อยนำเงินมาชำระค่าสินค้า หรือ ค่าบริการที่ค้างชำระในภายหลัง ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องทางธุรกิจและทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้


ระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) ต่อผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)


            การกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) ต่อผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นั้นมีความแตกต่างจากการกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) ทั่วๆ ไป เพราะมิใช่ว่าจะกำหนดระยะเวลายาวนานอย่างไรก็ได้ตามที่หลายๆ ท่านเข้าใจผิดกัน เนื่องจากกรณีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนั้นจะมีเงินสดหมุนเวียน (cash flow) สภาพคล่องทางการเงิน หรือ กระแสเงินสด ที่น้อยกว่าผู้ประกอบการอื่นๆ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสียเปรียบทางการค้า และได้รับการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (Trade Competition Commission of Thailand) จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) กรณีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นผู้ขายสินค้าหรือบริการ ซึ่งเป็นแนวทางเพื่อควบคุมการให้เครดิตเทอมไว้เป็นการเฉพาะ โดยประกาศฉบับนี้มีสาระสำคัญดังนี้


  1. กำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อทางการค้าระหว่างผู้ประกอบธุรกิจกับประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เอาไว้เป็น 2 กรณี

    1. ภาคการค้า ภาคการผลิต และภาคบริการ ไม่เกิน 45 วัน เว้นแต่ได้มีการตกลงระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่น้อยกว่าอยู่ก่อนแล้ว กล่าวคือ สามารถให้เครดิตเทอมอย่างไรก็ได้แต่ต้องไม่เกิน 45 วัน

    2. ภาคการค้า ภาคการผลิต และภาคบริการ เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรหรือ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูปขั้นต้นที่มีกระบวนการผลิตไม่ซับซ้อน ไม่เกิน 30 วัน เว้นแต่ได้มีการตกลงระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่น้อยกว่าอยู่ก่อนแล้ว กล่าวคือ สามารถให้เครดิตเทอมอย่างไรก็ได้แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน

  2. การกําหนดระยะเวลาที่แตกต่างจากระยะเวลาตามข้อ 1 อาจกระทําได้ แต่ต้องมีเหตุผลอันสมควรที่สามารถรับฟังได้ในทางธุรกิจ การตลาด หรือเศรษฐศาสตร์ ภายใต้เงื่อนไขข้อบังคับแห่งสัญญาด้วย

  3. การนับระยะเวลาสินเชื่อการค้า (Credit Term) ให้นับตั้งแต่วันส่งมอบสินค้าหรือให้บริการถูกต้องครบถ้วนตามที่ได้ตกลงกันไว้ ในกรณีการฝากขาย (Consignment) ให้เริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ขายสินค้าครบตามจํานวนหรืออัตราที่ตกลงกันไว้

ผู้ประกอบการใดถือว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)


ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามประกาศฉบับนี้ คือ ผู้ประกอบธุรกิจที่มีลักษณะกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้


(1) การผลิตสินค้าซึ่งมีการจ้างงานไม่เกินสองร้อยคน และมีรายได้ต่อปีไม่เกินห้าร้อยล้านบาท

(2) การให้บริการ กิจการค้าส่ง หรือกิจการค้าปลีกซึ่งมีการจ้างงานไม่เกินหนึ่งร้อยคน และมีรายได้ต่อปีไม่เกินสามร้อยล้านบาท


ดังนั้น หากผู้ประกอบการใดไม่ใช่ผู้ประกอบธุรกิจที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนี่งใน 2 ประเภทนี้ ย่อมไม่ใช่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises หรือ SMEs) ตามประกาศนี้ และการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) กับผู้ประกอบการดังกล่าวย่อมไม่ถูกควบคุมเกี่ยวกับภายใต้ประกาศฉบับนี้


การให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) อย่างไรเข้าข่ายเป็นการการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม


การกระทำดังต่อไปนี้เข้าข่ายเป็นการการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมตามประกาศฉบับนี้

  1. ประวิงเวลาจ่ายค่าสินค้าหรือบริการเกินกว่าระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) ที่กําหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

  2. เปลี่ยนแปลงระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) หรือเงื่อนไขอื่นภายใต้สัญญา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน

  3. พฤติกรรมในลักษณะเป็นการบังคับอย่างไม่เป็นธรรม เช่น การกําหนดเงื่อนไขพิเศษ ที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อการค้าซึ่งอาจเป็นการสร้างภาระอันไม่จําเป็นแก่คู่สัญญา เป็นต้น

โดยหากมีการกระทําที่มีลักษณะเป็นการฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 อันมีโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ในปีที่กระทําความผิดได้

ดู 41 ครั้ง
bottom of page