พระราชกฤษฎีกาแพลตฟอร์มดิจิทัลกำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายหลายประการ ขึ้นอยู่กับประเภทและลักษณะของการให้บริการนั้น ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจึงควรตรวจสอบว่าการให้บริการของตนเองนั้นอยู่ภายใต้ความหมายของ "แพลตฟอร์มดิจิทัล" หรือไม่ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจอย่างมากเพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้มีความรับผิดในทางอาญาหรือทางปกครองที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ |
พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบฯ ได้กำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการไว้เป็นจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะและประเภทของผู้ให้บริการว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ เช่น
1. ผู้ให้บริการควรตรวจสอบว่าการให้บริการของตนเองนั้นเข้าลักษณะเป็น “แพลตฟอร์มดิจิทัล” ตามความหมายของกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากบริการแพลตฟอร์มนั้นเป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลตามกฎหมาย ผู้ให้บริการบริการก็จะต้องเตรียมความพร้อมต่อไปโดยเร็ว แต่หากไม่เป็นผู้ให้บริการตามกฎหมาย ก็จะต้องตรวจสอบว่าหากบริการแพลตฟอร์มนั้นจะมีการให้บริการอื่นเพิ่มเติมในอนาคต จะเข้าลักษณะการเป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลตามที่กฎหมายกำหนดด้วยหรือไม่
2. ผู้ให้บริการควรพิจารณาว่าบริการของตนเองนั้นเป็น “แพลตฟอร์มดิจิทัล” ประเภทใด ตัวอย่างเช่น เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดเล็ก เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการคิดค่าบริการหรือไม่มีการคิดค่าบริการ หรือเป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดใหญ่ เป็นต้น
3. ผู้ให้บริการควรทราบว่าตนเองมีหน้าที่ตามกฎหมายอะไรบ้าง เช่น หน้าที่ที่จะต้องมีต่อสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และหน้าที่ที่มีต่อผู้ใช้บริการของตนเอง ซึ่งหน้าที่เหล่านี้ก็เช่น หน้าที่ในการแจ้งรายการโดยย่อ หรือหน้าที่ในการแจ้งการประกอบธุรกิจก่อนการประกอบธุรกิจ และหน้าที่ในการดำเนินการต่างๆ ระหว่างการประกอบธุรกิจ เช่น หน้าที่ในการประกาศข้อตกลงและเงื่อนไขในการให้บริการให้ผู้ใช้บริการทราบ เป็นต้น
4. ผู้ให้บริการควรเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น
(1) จัดเตรียมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการแจ้งการประกอบธุรกิจหรือการแจ้งรายการโดยย่อ เช่น ข้อมูลของผู้ให้บริการ ข้อมูลเกี่ยวกับบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ และข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเรียน เป็นต้น
(2) จัดเตรียมบุคลากรเพื่อแต่งตั้งให้เป็นผู้ประสานงานกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
(3) ทบทวนและแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงและเงื่อนไขที่ทำกับผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นผู้ขายสินค้าหรือบริการและผู้บริโภคให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เงื่อนไขเกี่ยวกับการระงับหรือการหยุดให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ หรือเงื่อนไขในการคิดค่าบริการ เป็นต้น
(4)จัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยหลักของอัลกอริทึมที่ผู้ให้บริการใช้ในการการจัดอันดับหรือแนะนำรายการสินค้า การประเมินความพึงพอใจหรือแสดงความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ
(5)จัดเตรียมข้อตกลงและเงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าถึงและใช้งานข้อมูลที่ได้รับจากการให้บริการ
(6) จัดเตรียมมาตรการในการจัดการเรื่องข้อเรียนต่าง ๆ ทั้งช่องทางในการรับข้อร้องเรียน กระบวนการในการจัดการข้อร้องเรียน วิธีการในการระงับข้อพิพาท และกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการดังกล่าว
(7) จัดเตรียมนโยบายในการจัดระดับการนำเสนอสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่นำเสนอต่อผู้ใช้บริการ
(8) จัดเตรียมมาตรการในการดำเนินการต่อสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย
5. ผู้ให้บริการควรศึกษาว่าตนเองมีหน้าที่ตามกฎหมายในการนำนโยบายหรือหลักเกณฑ์ต่าง ๆ มาประกาศให้ผู้ใช้บริการทราบหรือไม่ และดำเนินการเช่นนั้นเมื่อกฎหมายกำหนด
6. ผู้ให้บริการต้องแจ้งให้ทั้งสำนักงานฯ และผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการทำกับผู้ใช้บริการ
7. ผู้ให้บริการต้องจัดเตรียมข้อมูลสำหรับการยื่นรายงานรายปีต่อสำนักงานฯ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้จากการให้บริการแต่ละประเภท ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนรวมของผู้ใช้บริการ และข้อร้องเรียนต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นต้น
8. ผู้ให้บริการจะต้องมีมาตรการเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การประเมินความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยง การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ การจัดการภาวะวิกฤต และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นต้น
9. ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องแจ้งการเลิกประกอบธุรกิจให้สำนักงานฯ หรือผู้ใช้บริการทราบ และอาจต้องมีการจัดทำแผนและมาตรการในการดูแลผู้ใช้บริการด้วย
หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีหน้าที่ดำเนินการเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะข้อมูลที่กฎหมายกำหนดให้เปิดเผยนั้นบางส่วนอาจเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวในเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าหรือเป็นข้อมูลสำคัญในการประกอบธุรกิจ ผู้เปิดเผยข้อมูลโดยไม่รอบคอบอาจเกิดความเสี่ยงต่อการกระทำความผิดต่อกฎหมายหรือมีผลกระทบต่อธุรกิจได้ แต่หากผู้ให้บริการละเลยไม่เปิดเผยหรือปฏิบัติตามกฎหมายก็อาจก่อให้เกิดความรับผิดทั้งทางอาญาและทางปกครองได้เช่นกัน การเตรียมการในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นของกฎหมาย ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนหรือแนวปฏิบัติออกมาให้เห็นมากนัก