top of page

หน้าที่เกี่ยวกับข้อตกลงและเงื่อนไขของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการคิดค่าบริการ

รูปภาพนักเขียน: Lexpertise Law FirmLexpertise Law Firm

​กฎหมายแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทยได้กำหนดหน้าที่ที่แตกต่างกันสำหรับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลแต่ละประเภท สำหรับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการคิดค่าบริการจะต้องมีข้อตกลงและเงื่อนไขที่โปร่งใสและเป็นธรรมต่อคู่ค้าในทางธุรกิจและผู้บริโภค ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลดังกล่าวนี้มีหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการประกาศข้อกำหนดและเงื่อนไขถึง 22 ประการ ซึ่งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้มีการประกาศหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องด้วย


กฏหมายแพลตฟอร์มดิจิทัลได้กำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลแต่ละประเภทแตกต่างมากน้อยลดหลั่นกันไป ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มขนาดเล็กหรือที่มีผลกระทบต่ำจะมีหน้าที่เพียงแต่การแจ้งรายการโดยย่อก่อนการประกอบธุรกิจและการแจ้งข้อมูลรายปีต่อสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เท่านั้น แต่หากเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลทั่วไป ก็จะมีหน้าที่หลายประการ เช่น หน้าที่ในการแจ้งการประกอบธุรกิจต่อสำนักงานฯ ก่อนเริ่มประกอบธุรกิจ หน้าที่ในการรายงานการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดต่อสำนักงาน และหน้าที่ที่มีต่อผู้ใช้บริการ

หลักการในการกำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีต่อผู้ใช้บริการนั้น

กฎหมายแพลตฟอร์มดิจิทัลของประเทศไทยได้นำมาจากหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายของสหภาพยุโรป 2 ฉบับด้วยกันคือ P2B Regulation และ Digital Services Act อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกฎหมายสหภาพยุโรปทั้ง 2 ฉบับนี้มีหลักการและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน โดย P2B Regulation เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองผู้ใช้บริการที่เป็นผู้ประกอบการ (Business user) ขณะที่ Digital Services Act จะมุ่งหมายให้ความคุ้มครองผู้ใช้บริการที่เป็นผู้บริโภค (Consumer หรือ End user) กฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องมีข้อตกลงและเงื่อนไข (Terms & Conditions) ที่โปร่งใสและเป็นธรรม จึงมี 2 ประเภทคือ ข้อตกลงและเงื่อนไขระหว่างผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกับผู้ประกอบการ อย่างหนึ่ง และข้อตกลงและเงื่อนไขระหว่างผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกับผู้บริโภค อีกอย่างหนึ่ง แต่สำหรับกฎหมายแพลตฟอร์มดิจิทัลของไทยนั้นได้รวบรวมหลักเกณฑ์ทั้งมากำหนดไว้ในกฎหมายเดียวกัน โดยไม่ได้แยกแยะประเภทของข้อตกลงและเงื่อนไขดังกล่าวออกจากกัน ดังนั้น ในการปฏิบัติตามกฎหมายแพลตฟอร์มดิจิทัลของไทย ผู้ให้บริการจึงจึงแยกแยะให้ดีว่า หลักเกณฑ์ใดเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้สำหรับผู้ประกอบการ และหลักเกณฑ์ใดกำหนดไว้ใช้สำหรับผู้บริโภค

กฎหมายดิจิทัลแพลตฟอร์มของไทยได้กำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลเกี่ยวกับการประกาศข้อตกลงและเงื่อนไขที่ทำไว้กับผู้ใช้บริการไว้ในมาตรา 17 นอกจากนี้ ยังมีการออกประกาศสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง รายละเอียดการประกาศข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ผู้ใช้บริการทราบฯ เพื่อกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งโดยสรุปแล้ว ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลจะมีหน้าที่ทั้งต่อผู้ประกอบการซึ่งเป็นคู่ค้า (Partner) และต่อผู้บริโภค โดยหน้าที่นี้อาจแบ้งได้เป็นหน้าที่ทั่วไปและหน้าที่เฉพาะในแต่ละเรื่อง บทความนี้สรุปหน้าที่ของผู้ให้บริการได้ 22 ประการ ดังต่อไปนี้


หน้าที่ทั่วไป (General Obligation)


1. ผู้ประกอบธุรกิจต้องประกาศข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ โดย

1.1 ต้องทำเป็นภาษาไทยเป็นอย่างน้อย

1.2 ต้องใช้ภาษาที่อ่านง่าย และสามารถเข้าใจได้ง่าย

1.3 ต้องพร้อมให้ผู้ใช้บริการสามารถอ่าน เห็นหรือทราบได้โดยง่าย ทั้งก่อนหรือขณะเข้าใช้บริการ

1.4 ต้องแสดงรายละเอียดให้ผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องทราบอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจในการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง


หน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับเงื่อนไขในการให้บริการ การระงับหรือการหยุดให้บริการ และการคิดค่าบริการ (Restriction, suspension and termination)


2. หากมีการปฏิบัติที่แตกต่างกัน (Differentiated treatment) ต่อสินค้า บริการ หรือเนื้อหาของผู้ประกอบธุรกิจ หรือผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบธุรกิจต้องอธิบายการปฏิบัติที่แตกต่างไว้ในเงื่อนไขในการให้บริการ

2.1 การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลอื่น ซึ่งผู้ใช้บริการให้ไว้เพื่อการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือที่เกิดจากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล

2.2 การจัดอันดับ (Ranking) หรือการตั้งค่าการทำงานอื่น (Setting) โดยผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งมีผลต่อผู้ใช้บริการ ในการเข้าถึงสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เสนอบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลโดยผู้ใช้บริการรายอื่น

2.3 การคิดค่าบริการไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมที่เรียกเก็บจากการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล

2.4 การเข้าถึงการใช้งานบริการ ฟังก์ชัน หรือการเชื่อมต่อทางเทคนิคบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขและการคิดค่าบริการในการใช้งานดังกล่าว

3. กรณีที่มีการนำเสนอโฆษณา (Advertising) บนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดดังต่อไปนี้ ในขณะที่โฆษณาปรากฏต่อผู้ใช้บริการ

3.1 รูปภาพ เครื่องหมาย หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะทำนองเดียวกัน เพื่อให้ทราบว่าข้อมูลที่นำเสนอนั้น เป็นโฆษณา

3.2 ช่องทางหรือวิธีการเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบผู้กระทำการโฆษณาดังกล่าว

4. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการคิดค่าบริการ ระยะเวลา ช่องทาง วิธีการและรูปแบบในการชำระค่าตอบแทน ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายอื่น และบรรดาเงินหรือทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวกับ การให้บริการ ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ หรือผู้ประกอบธุรกิจต้องชำระแก่ผู้ใช้บริการ

5. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดในเรื่องดังต่อไปนี้ ไว้ในเงื่อนไขในการให้บริการ

5.1 ช่องทางการจำหน่ายอื่น (additional distribution channels) ที่ผู้ประกอบธุรกิจนำสินค้า บริการ หรือเนื้อหาไปเสนอแก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางอื่นได้ หรือโปรแกรมพันธมิตรเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการขายสินค้าแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ (affiliate program) ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจอาจทำการตลาดสินค้า บริการ หรือเนื้อหาของผู้ใช้บริการ

5.2 ผลของเงื่อนไขในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเจ้าของและสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ใช้บริการ

5.3 ประเภทของสินค้า บริการ หรือเนื้อหาเสริม (ancillary goods and services) หรือที่ใช้ประกอบกันกับสินค้า บริการ หรือเนื้อหาหลัก (complementary goods and services) ที่มีการเสนอโดยผู้ประกอบธุรกิจหรือบุคคลภายนอก ก่อนธุรกรรมซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการจะสามารถเสนอขายสินค้า บริการ หรือเนื้อหาดังกล่าวบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลได้

5.4 เงื่อนไขที่จำกัดหรือกีดกันผู้ประกอบการในการเสนอขายสินค้า บริการ หรือเนื้อหาประเภทเดียวกันภายใต้เงื่อนไขที่แตกต่างกันผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจากบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลของผู้ประกอบธุรกิจ พร้อมระบุเหตุผลประกอบ

5.5 เงื่อนไขในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจะหยุดการให้บริการ (suspend) ทั้งหมดหรือบางส่วนแก่ผู้ใช้บริการรายใดเป็นการชั่วคราว หรือจะระงับการให้บริการ (terminate) แก่ผู้ใช้บริการรายใด ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อ 12 ข้อ 13 และข้อ 14

5.6 เงื่อนไขที่ผู้ใช้บริการสามารถยกเลิกสัญญากับผู้ประกอบธุรกิจได้

6. หากผู้ประกอบธุรกิจประสงค์จะหยุดการให้บริการ (suspend) ทั้งหมดหรือบางส่วนแก่ผู้ใช้บริการรายใดเป็นการชั่วคราว ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้ใช้บริการรายนั้นทราบ ก่อนหรือขณะหยุดการให้บริการ พร้อมระบุเหตุผลประกอบ เช่น เงื่อนไข ในการให้บริการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อเท็จจริง พฤติการณ์ หรือการแจ้งโดยบุคคลภายนอก

7. หากผู้ประกอบธุรกิจ ประสงค์จะระงับการให้บริการ (terminate) แก่ผู้ใช้บริการรายใด ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้ใช้บริการรายนั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน พร้อมระบุเหตุผลประกอบ เช่น เงื่อนไขในการให้บริการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อเท็จจริง พฤติการณ์ หรือการแจ้งโดยบุคคลภายนอก

8. หากมีการหยุดการให้บริการ (suspend) หรือการระงับการให้บริการ (terminate) ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดทางเลือกที่ผู้ใช้บริการสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลผ่านกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียน

9. หากมีการยกเลิกการหยุดการให้บริการ (suspend) หรือระงับการให้บริการ (terminate) ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการคืนสถานะการใช้บริการให้แก่ผู้ใช้บริการในในระยะเวลาที่เหมาะสม รวมถึงให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลอื่นที่ผู้ใช้บริการมีอยู่บนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลก่อนที่จะถูกหยุดการให้บริการ (suspend) หรือระงับการให้บริการ (terminate) ในครั้งนั้น

10. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดกระบวนการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ (Know Your Customer) ไว้ในเงื่อนไขในการให้บริการ และสอดคล้องกับหน้าที่และ แนวปฏิบัติที่ดีในการยืนยันตัวตน

11. กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดให้มีการประเมินความพึงพอใจหรือการแสดงความคิดเห็น (Review) ของผู้ใช้บริการบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลของตน ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ผู้ใช้บริการทราบ โดยอาจประกอบด้วยเรื่องดังต่อไปนี้

11.1 ข้อกำหนดเกี่ยวกับการรวบรวม เช่น เป็นการประเมินความพึงพอใจหรือแสดงความคิดเห็นโดยบุคคลที่มีอยู่จริง และได้รับหรือใช้สินค้าหรือบริการนั้นจริง ระยะเวลาในการส่งการประเมินความพึงพอใจหรือการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งผลหรือสิทธิประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว

11.2 ข้อกำหนดเกี่ยวกับการกลั่นกรอง เช่น ให้ประเมินความพึงพอใจหรือแสดงความคิดเห็น จากประสบการณ์ของตนเองที่มีต่อสินค้า บริการ หรือเนื้อหานั้น ไม่ใช้ถ้อยคำหรือข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาท หรือผิดกฎหมายอื่น และการดำเนินการต่อการประเมินความพึงพอใจหรือการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เป็นไป ตามที่กำหนด

11.3 ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเผยแพร่ เช่น การแสดงชื่อหรือเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ประเมินความพึงพอใจหรือแสดงความคิดเห็น ตัวกรองการแสดงข้อมูลการประเมินความพึงพอใจและการแสดง ความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ (filtering) และทางเลือกในการปรับเปลี่ยนหรือตั้งค่าตัวกรองดังกล่าว


หน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับปัจจัยหลักของอัลกอริทึมหรือของหลักเกณฑ์ (main parameters) ที่ผู้ประกอบธุรกิจใช้ ในการจัดอันดับ (ranking) หรือแนะนำ (recommending) แก่ผู้ใช้บริการ


12. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงปัจจัยหลักของอัลกอริทึมหรือของหลักเกณฑ์ (main parameters) ที่ผู้ประกอบธุรกิจใช้ในการจัดอันดับ (ranking) หรือการแนะนำ (recommending) รายการสินค้า บริการ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ การโฆษณา การประเมินความพึงพอใจและการแสดงความคิดเห็น หรือเนื้อหาอื่น และเหตุผลที่ปัจจัยหลักดังกล่าวมีความสำคัญในการจัดอันดับ (ranking) หรือการแนะนำ (recommending) นั้นเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น

13. หากค่าตอบแทน ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายอื่น และบรรดาเงินหรือทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการซึ่งผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ หรือผู้ประกอบธุรกิจต้องชำระแก่ผู้ใช้บริการ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยหลักของอัลกอริทึมหรือของหลักเกณฑ์ (main parameters) ที่อาจส่งผลต่อการจัดอันดับ (ranking) หรือการแนะนำ (recommending) รายการสินค้า บริการข้อมูลคอมพิวเตอร์ การโฆษณาการประเมินความพึงพอใจและการแสดงความคิดเห็น หรือเนื้อหาอื่น ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับผลที่จะเกิดขึ้นให้ผู้ใช้บริการทราบ


หน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับการเข้าถึงและการใช้งานข้อมูลที่ได้รับจากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้ใช้บริการ (Access to data)


14. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดให้ผู้ใช้บริการทราบเกี่ยวกับการเข้าถึงและใช้งานข้อมูล ส่วนบุคคลหรือข้อมูลอื่น ซึ่งผู้ใช้บริการให้ไว้เพื่อการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือที่เกิดจากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลของผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงและใช้งานโดยทางเทคนิคหรือตามสัญญา ซึ่งรวมถึงการเก็บข้อมูลดังกล่าวหลังจากที่สัญญาการให้บริการสิ้นสุดลง อย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้

14.1 การเข้าถึงและใช้งานข้อมูลดังกล่าวโดยผู้ประกอบธุรกิจว่าเป็นข้อมูลประเภทใด และภายใต้เงื่อนไขใด นอกจากนี้ หากมีการให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บุคคลภายนอกซึ่งไม่เกี่ยวข้องโดยตรงในการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการให้ข้อมูล และทางเลือกในการไม่ให้ข้อมูลแก่บุคคลภายนอกนั้น

14.2 การเข้าถึงและใช้งานข้อมูลดังกล่าวโดยผู้ใช้บริการว่าเป็นข้อมูลประเภทใด และภายใต้เงื่อนไขใด ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงและใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลอื่นโดยผู้ใช้บริการรายอื่น นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งทางเลือกกรณีที่ผู้ใช้บริการสามารถให้ข้อมูลแก่บุคคลภายนอกซึ่งไม่เกี่ยวข้องโดยตรงในการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลได้


หน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับช่องทางการให้ความช่วยเหลือ กระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียน และการระงับข้อพิพาท รวมทั้งกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ (Internal complaint-handling system)


15. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับช่องทางหรือบุคลากรที่ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้บริการซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้บริการ และกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนภายใน (Internal complaint-handling system) ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเรียนการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลของผู้ประกอบธุรกิจ หรือการให้บริการของพนักงานหรือลูกจ้างของผู้ประกอบธุรกิจหรือ ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรอบระยะเวลาในการดำเนินการดังกล่าว

16. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนภายใน (Internal complaint-handling system) อย่างน้อยดังต่อไปนี้ ให้ผู้ใช้บริการทราบ

16.1 การติดตามผลการจัดการเรื่องร้องเรียน

16.2 การแจ้งผลของการดำเนินการให้ผู้ร้องเรียนทราบเป็นรายบุคคล

17. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการใช้กระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนภายในของผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนกลางที่เกิดจากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สำนักงานได้จัดให้มีขึ้น โดยการแสดงข้อความต่อไปนี้หรือข้อความอื่นในทำนองเดียวกันให้ปรากฏอย่างชัดเจน


คำแนะนำของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)

ถ้าท่านมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล

โปรดติดต่อ


บริษัท ที่อยู่ โทรศัพท์


ทั้งนี้ หากยังไม่ได้รับการแก้ไขภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้

ท่านสามารถติดต่อมาได้ที่

ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ (1212ETDA)

สายด่วน 1212 (24 ชั่วโมง) อีเมล 1212@mdes.go.th

เพื่อให้คำแนะนำและรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

18. กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทโดยมีผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลาง (mediation) หรืออนุญาโตตุลาการ (arbitration) ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าว ซึ่งอาจประกอบด้วย คุณสมบัติของผู้ไกล่เกลี่ยหรืออนุญาโตตุลาการ กรอบระยะเวลา ผลของ การไกล่เกลี่ยหรืออนุญาโตตุลาการ ทั้งนี้ การดำเนินการใด ๆ ผ่านกระบวนการระงับข้อพิพาทต้องไม่กระทบสิทธิของผู้ประกอบธุรกิจและผู้ใช้บริการในการดำเนินการตามกฎหมาย


หน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับการจัดระดับการนำเสนอสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เหมาะสม ต่อผู้ใช้บริการแต่ละกลุ่ม (Rating)


19. กรณีที่บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีการเสนอสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้มีการจัดระดับให้เหมาะสมต่อผู้ใช้บริการแต่ละกลุ่ม ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดหลักเกณฑ์ ที่ใช้ในการจัดระดับ และผลที่เกิดจากการจัดระดับดังกล่าวให้ผู้ใช้บริการทราบ

20. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงข้อมูล หรือสัญลักษณ์ของการจัดระดับการนำเสนอสินค้า บริการ หรือเนื้อหา ให้ผู้ใช้บริการทราบ ก่อนหรือขณะที่มีการใช้บริการ โดยมีตำแหน่งของข้อมูล หรือสัญลักษณ์อยู่ใกล้กับสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่ถูกจัดระดับนั้น


หน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย (Illegal content)


21. ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงรายละเอียดนโยบาย กระบวนการ มาตรการ หรือเครื่องมือที่ผู้ประกอบธุรกิจใช้ในการดำเนินการต่อสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ผู้ใช้บริการทราบ รวมถึงการตัดสินใจโดยอัลกอริทึม (algorithmic decision-making) หรือการตรวจสอบโดยมนุษย์ (human review) ในการดำเนินการดังกล่าว

22. กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจัดให้มีกลไกการแจ้งเตือนและการดำเนินการต่อสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เช่น notice-and-action หรือ notice-and-takedown mechanisms เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถแจ้งเตือนให้ผู้ประกอบธุรกิจทราบเกี่ยวกับสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เฉพาะจงซึ่งตนเห็นว่าผิดกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบธุรกิจต้องแสดงกระบวนการในการดำเนินการดังกล่าวซึ่งอย่างน้อยประกอบด้วยรายละเอียดดังต่อไปนี้ ให้ผู้ใช้บริการทราบ

22.1 ข้อกำหนดที่ผู้ใช้บริการซึ่งประสงค์จะแจ้งเตือนต้องดำเนินการในการแจ้งเตือนซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดอย่างน้อยดังต่อไปนี้

(ก) จัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร และมีการลงลายมือชื่อหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้แจ้ง

(ข) ผู้ใช้บริการให้คำรับรองว่าข้อความที่แจ้งเตือนดังกล่าวเป็นความจริง

22.2 รายละเอียดของข้อมูลที่ต้องใช้ในการแจ้งเตือน อย่างน้อยดังต่อไปนี้

(ก) ข้อมูลการติดต่อของผู้แจ้ง เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการหรือช่องทางใด ๆ ที่สามารถติดต่อผู้แจ้งได้

(ข) คำอธิบายเหตุผลอย่างเพียงพอเพื่อให้เห็นว่าสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่กล่าวอ้างนั้น ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างไร

(ค) สินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่กล่าวอ้างว่าผิดกฎหมายและแหล่งที่ตั้งของสินค้า บริการ หรือเนื้อหานั้น โดยต้องมีรายละเอียดที่เพียงพอตามสมควรเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถดำเนินการกับสินค้า บริการ หรือเนื้อหาดังกล่าวได้ เช่น ยูอาร์แอล (URL) เว้นแต่เป็นการแจ้งไปยังผู้ประกอบธุรกิจที่ให้บริการสืบค้นแหล่งที่ตั้งของข้อมูลคอมพิวเตอร์ (search engines) ให้ระบุเพียงแหล่งอ้างอิงหรือจุดเชื่อมต่อที่นำไปสู่สินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่กล่าวอ้างว่าผิดกฎหมาย และรายละเอียดที่เพียงพอตามสมควรเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถระบุแหล่งอ้างอิงหรือจุดเชื่อมต่อนั้น

22.3 การแจ้งไปยังผู้ใช้บริการที่ถูกกล่าวอ้างว่าเผยแพร่สินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่ผิดกฎหมายเพื่อให้โอกาสในการโต้แย้ง


โดยสรุป หน้าที่ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการคิดค่าบริการจากผู้ใช้บริการนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ไม่เฉพาะแต่เพียงผู้ให้บริการฯ จะต้องเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อแจ้งให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ทราบก่อนการประกอบธุรกิจเท่านั้น แต่ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไข (Terms & Conditions) ที่ทำกับผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดด้วย ซึ่งการแก้ไขนี้ต้องทำก่อนที่จะมีการแจ้งการประกอบธุรกิจหรือภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 สำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการให้บริการมาก่อนวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างยิ่ง

ดู 64 ครั้ง
bottom of page